ฮ่องกง
ในสายตาหลายๆคน คงเป็นเมืองที่มีแต่ตึกย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้ง เมื่อก่อนผมเองก็คิดแบบนั้น จนมีวันนึงที่กำลังเสาะหาที่เที่ยวๆที่ใหม่ๆ ก็ค้นไปเจอรีวิวเที่ยว+กินในเมืองฮ่องกงที่ถ่ายรูปสวยมาก ดูน่าเที่ยวน่ากินมากๆ สมกับเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “สวรรค์ของช่างภาพ” เพราะไปที่ไหนก็ถ่ายรูปได้รูปสวยๆมุมดีๆมาแน่นอน ด้วยความที่ผมก็ชอบถ่ายภาพอยู่เหมือนกันเลยหาข้อมูลเพิ่มเติม และทำให้พบว่าฮ่องกงไม่ได้มีแต่ที่ช้อปปิ้งกับกินเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติให้ไปเดินไปปีนกันด้วย อย่างที่จะทำเสนอในบทความนี้ก็คือหนึ่งในสถานที่ Hiking ยอดนิยมแห่งนึงในเมืองฮ่องกง ยอดเขาสิงโต Lion rock หรือ 獅子山
ภูมิศาสตร์ของฮ่องกงมีลักษณะเป็นเกาะ จึงไม่แปลกที่จะมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่เหมาะจะเดินขึ้นไปเที่ยวมากๆ เพราะจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ความสูงก็ไม่มาก สามารถเดินไปกลับจบได้ภายใน 1 วัน อีกอย่างคือ (คาดว่า)เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วมุมที่มองลงมาจะเห็นตัวเมืองเรียงรายอยู่ข้างล่างเต็มไปหมด น่าจะเป็นวิวที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปอีกด้วย เลยทำให้สนใจไปขึ้นเขาที่ฮ่องกงเพิ่มขึ้นอิีก
มุมยอดเขาในฮ่องกงที่คนนิยมไปเที่ยวด้วยกันหลักๆก็จะมีตามนี้ครับ
Dragon’s Back Ridge, Lantau Peak, Sunset Peak, Victoria peak, Kowloon Peak, Tai Long Wan, Tai Mo Shan, Lion Rock ฯลฯ นึกออกแค่นี้ อาจจะมีนอกเหนือจากนี้อีกครับ
หลังจากวู่วามจองตั๋วและที่พัก ก็ทำการหาข้อมูลคร่าวๆของการเดินทางไปที่เหล่านี้ กะว่าไปถึงค่อยเลือกอีกทีนึงตามสถานการณ์ ตอนนี้ก็จัดของรอไปก่อน และเนื่องจากการปีนเขาในฮ่อง (เรียกว่าเดินขึ้นเขาดีกว่า) จะไม่ได้โหดมากนัก อยู่ในระดับสบายๆถึงเหนื่อยปานกลาง ของที่จำเป็นต้องเตรียมไว้ก็ควรจะมีประมาณนี้ครับ
- เสื้อผ้า เน้นสวมใส่สบายๆ คล่องตัว เตรียมเสื้อกันฝนด้วย ผมไปช่วงเดือนเมษายนที่พายุเข้าพอดี ตอนเดินก็จะมีร้อนๆเย็นๆสลับกันไปพร้อมกับมีฝนตกเรื่อยๆครับ
- รองเท้า ควรเป็นผ้าใบที่กันลื่นได้จำพวกรองเท้าเทรคกิ้ง รองเท้าแตะหรือรองเท้าแฟชั่นไม่แนะนำครับเมื่อยเท้าแน่นอน ลื่นด้วย ผมใส่นันยางไปเดินก็โอเคดีครับ เดินขึ้นสบายสุดๆ แต่ตอนเดินลงนี่ปวดนิ้วมากๆ 55
- น้ำเปล่า อาหารหรือขนมนิดหน่อยๆ ตลอดทางไม่มีที่ให้เติมน้ำ ขนมก็ไว้กินเพิ่มพลังระหว่างทาง
- วิทยุเครื่องเล็กๆ หรือจะใช้มือถือก็ได้ ส่วนจะใช้ทำอะไรเดี๋ยวบอกครับ
- ไฟฉาย ถ้าขึ้นไปช่วงเย็น เวลาเดินลงมาจะไม่มีไฟตามทาง มืดสนิท เตรียมไฟฉายไว้ส่องทางด้วยครับ
พอถึงวันเดินทาง พายุเข้าฮ่องกงพอดีเลย ผมไปทั้งหมด 4 วัน 3 คืน พยากรณ์อากาศบอกว่าตก 3 วันแรก วันที่ 4 ฟ้าถึงจะเปิด เลยไปปรับเปลี่ยนสถานที่เอาหน้างานครับ วันแรกเดินเที่ยวในรอบๆที่พักย่าน Mong Kok ไปช้อปปิ้งซื้อของนิดหน่อย วันนี้ก็ฝนตกทั้งวันทั้งคืน พอคืนแรกก็เลยเช็คกับทางแอพ MyObservatory (我的天文台) พบว่าวันต่อมาฝนตกปรอยๆทั้งวัน แต่ตอนเย็นถึงค่ำๆมีลุ้นว่าจะหยุดตก เลยวางแผนใหม่ได้ว่าจะลองไปปีนขึ้น Lion Rock ดู เพราะเดินทางไปง่ายไม่ไกลจากเมืองมากนัก
MyObservatory (我的天文台) เป็นแอพฯที่บอกสภาพอากาศทั่วฮ่องกง รวมถึงมีภาพจากกล้องส่องวิวให้ดูสภาพอากาศทั่วๆเลย แอพฯนี้จะแม่นมากครับ ใครไปเที่ยวฮ่องกงแนะนำเลย โหลดได้ที่นี่ iOS Android
Lion Rock
Lion Rock ตั้งอยู่บนเกาะ Kowloon คั่นระหว่างตัวเมืองส่วน Kowloon กับ New Territories ตัวยอดเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเล 495 เมตร ที่ได้ชื่อว่าเขาหินสิงโตก็เพราะว่ามีหน้าตาเหมือนสิงโต… ผมมองยังไงก็ไม่เหมือนสิงโตจนลืมไปว่าที่นี่มันฮ่องกง เราต้องมองแบบสิงโตจีน แบบหุ่นสิงโตเชิด ถ้านึกแบบนี้แล้วก็จะเหมือนครับ(ฮา)
Lion Rock กับป้ายประท้วงการปฏิวัติร่ม
ผมเริ่มต้นจากที่พักย่าน Mong Kok นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MTR มาลงที่สถานี Wong Tai Sin ที่จะอยู่ติดกับวัดหว่องไทซินหรือวัดหวังต้าเซียนที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ก็แวะไหว้พระ แวะเยี่ยมชมนิดหน่อยครับ ตัวสถานี Wong Tai Sin จะอยู่ในห้าง Temple Mall ด้วย แนะนำให้เข้าห้องน้ำ เตรียมเสบียงก่อนที่จะเริ่มต้นออกเดินทางจากจุดนี้ครับ
Temple Mall สถานี Wong Tai Sin
วัดนี้ดังเรื่องขอพรเกี่ยวกับความรักครับ มีคนมาขอเนื้อคู่กันเยอะแยะ
ผู้คนพากันมาไหว้พระขอพรกัน มุมโคมไฟนี้หลายๆคนอาจจะคุ้นตา
เด็กๆมาทัศนศึกษากัน ที่เห็นด้านหลังคือรูปปั้นเทพเจ้าประจำปีนักษัตริย์ครับ
เมื่อพร้อมแล้วก็ออกจากวัด จะเจอถนนเล็กๆโค้งไปทางซ้ายครับ เดินไปตามทางนี้เลย จะผ่านที่จอดรถอยู่ด้านขวาตรงนี้เริ่มเป็นทางลาดเดินขึ้นเนินแล้ว เดินไปเรื่อยๆประมาณ 240 เมตร ก็จะเจอทางแยกเลี้ยวซ้ายขวา ให้เลี้ยวขวาครับ มองไปข้างหน้าอีก 70 เมตรจะเป็นทางแยกอีก ตรงนี้เราจะเลี้ยวซ้ายครับ เข้าสู่ถนนที่เรียกว่า Sha Tin Pass Road
เดินตามถนนนี้ไปเรื่อยๆ
ถึงตรงนี้ ข้างหน้าคือถนน Sha Tin Pass แล้วครับ ก็เดินขึ้นตามเนินไป
เดินขึ้นในเส้น Sha Tin Pass Road ไปเรื่อยๆครับ ตรงนี้จะเหนื่อยหน่อยเพราะลาดชันมาก ระหว่างทางจะเจอทางเลี้ยวทางแยกเยอะแยะ ก็ให้มองหาป้ายถนน Sha Tin Pass Road ครับ
ป้าย Sha Tin Pass Road ตามทาง
ผ่านโรงเรียนกับโรงพยาบาลหลายแห่ง
เดินขึ้นมาตามทางจะเจอวัด Fat Jong อยู่ทางด้านซ้าย ผ่านตรงนี้ไปก็จะเริ่มเข้าทางธรรมชาติแล้วครับ เราจะเดินมาครบ 1.4 กิโลเมตรที่หน้าวัดนี้ และสูงจากจุดเริ่มต้นที่หน้าวัดหวังต้าเซียนถึง 112 เมตร ลืมบอกไปเราสามารถนั่ง taxi หรือมินิบัสมาลงตรงวัด Fat Jong นี้ได้ครับ แล้วก็เดินต่อ เพราะหลังจากตรงนี้จะเป็นถนนอุทยาน(มั้ง)ที่จะให้เข้าได้เฉพาะรถที่ได้รับการอนุญาตเท่านั้น ใครนั่งรถมาก็จะเซฟแรงเซฟเวลาไปได้ 30-60 นาทีเลยครับ ผมไม่รู้ก็เดินยาวมาเลย รู้สึกเหนื่อยและเสียเวลากับเส้นนี้ไปโดยไม่จำเป็น
วัด Fat Jong หลังจากตรงนี้จะให้เฉพาะรถที่ขออนุญาตเข้าไปได้
Google Map แสดงทางเดินจากหน้าวัดหวังต้าเซียนไปจนถึงปากทางเทรลสู่ยอด Lion Rock Peak
ผ่านวัด Fat Jong มา ถนนจะเล็กลงเรื่อยๆ ถ้ารถผ่านมาก็ต้องหลบหน่อยครับ
ทางเดินจะเริ่มกลับเข้าสู่ธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ เขียวตลอดทาง
จะมีช่องทางสำหรับเทรลหลายจุด ในรูปนี้ยังไม่ใช่ที่ๆเราจะไป
เดินตามถนนไปอีกไกลเลย จะเจอทางเข้า Trail แล้วครับ ชื่อเส้นทาง Maclehose Trail Section 5 จะอยู่ตรงโค้งหักศอกเลย มีป้ายเขียนว่า Lion Rock Country Park แต่เรายังไม่ต้องเข้า ให้ผ่านโค้งเดินบนถนนขึ้นไปก่อนจะเจอเพิงทรงจีนๆเรียกว่า Lion Pavilion มองขึ้นไปบนถนนด้านบนจะเจอร้านค้ากับห้องน้ำ ให้แวะก่อนครับ ตรงนี้จะเป็นห้องน้ำจุดสุดท้ายแล้ว(หลังจากนี้ถ้าปวดก็ปล่อยข้างทาง) ผมมาถึงประมาณเวลา 17.30 น. ร้านค้าปิดหมดแล้ว ฝนเริ่มตกพอดีเลยหลบฝนสักพักนึง เสร็จแล้วก็เดินย้อนถนนลงไป เตรียมเข้าสู่ทางเทรล
ให้เข้าทางเทรล Lion Rock Country Park ตรงนี้นะครับ
ทางเข้าเทรลจะมีลักษณะตาม google map ข้างบนนี้ครับ เดินเข้าไปแล้วเดินยาวไปตามทางเรื่อยๆเลย ตอนแรกท้อมากครับ ไม่ใช่ว่าเดินเหนื่อย แต่เพราะฝนมันตกนี่แหล่ะ กลัวขึ้นไปแล้วมองอะไรไม่เห็น 55 หลังจากนี้ไม่มีอะไรมากแล้วครับ แค่เดินไปเรื่อยๆตามทาง จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆให้ดูทางเดินของ Beacon Hill เป็นหลัก ทางเดินจะเป็นทางเดินธรรมชาติไม่ใช่ถนนแบบช่วงแรกแล้ว มีขึ้นๆลงๆ ชันมากๆจนเหนื่อยเลยก็มี ผมสังเกตเห็นคนเดินสวนทางมา ทุกคนจะมีวิทยุเครื่องเล็กๆติดตัวเปิดเพลงกันทุกคน เดาว่าน่าจะใช้เปิดเพื่อไล่สัตว์ป่าแถวนี้ ผมเจอลิงตัวสองตัวเท่านั้น มันก็ไม่ได้มายุ่งผมแต่อย่างใด แต่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดเพลงตามคนอื่นเหมือนกันนะ
ฝนตกพรำๆตลอดทาง พอเวลาที่เจอช่องเล็กๆให้มองเห็นตัวเมือง ผมก็ถ่ายรูปไว้ก่อนเลยเพราะขึ้นไปถึงยอดอาจจะไม่ได้รูป
ถ้าเดินตรงที่โล่งๆอากาศจะค่อนข้างเย็นครับ แต่พอเดินเข้ามาในบริเวณที่ต้นไม้ปกคลุมเยอะๆนี่ร้อนเลย เพราะลมพัดเข้ามาไม่ถึง แล้วยังมืดมากอีกด้วย
ถ้าเดินผ่านเสาไฟแรงสูง ขึ้นมาแล้วเห็นวิวแบบนี้แสดงว่ามาถูกทางแล้วครับ
มองไปไกลๆก็มีแต่หมอกกับเมฆฝน ตรงทางเดินนี่ฝนก็พรำๆอยู่ตลอด บางช่วงนี่ก็เหมือนเดินในหมอกเลยครับ
เมฆก้อนมืดใหญ่เป็นแผงๆลอยอยู่เหนือเมืองฮ่องกง
มองลงไปข้างล่าง เห็นตรงที่เดินผ่านมาช่วงแรกด้วย
ในที่สุดก็เดินขึ้นมาจนถึงตัวสิงโต เหลืออีกนิดแค่ข้ามเนินก้อนหินอีกเนินเดียวก็จะไปถึง Lion Rock แล้ว แต่ว่าฟ้าตอนนี้เริ่มมืดเลยตัดสินใจไม่เดินไปต่อ เน้นความปลอดภัยไว้ก่อน นับเวลารวมตั้งแต่จุดสตาร์ทที่วัดหวังต้าเซียนมาจนถึงยอด ก็ 3 ชม.พอดีๆ แต่ถ้าใครเรียก taxi มาลงบริเวณวัด Fat Jong จะเซฟเวลาไปได้ประมาณ 30 นาทีเลยครับ ระหว่างนั่งรอเวลาให้เมฆฝนหมดไป ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ต้องรออีก 50 นาทีแหน่ะ ข้างบนนี้ก็ไม่มีใครขึ้นมาด้วย หรือเพราะคนอื่นเขาเห็นว่าฝนตกกันเลยไม่ขึ้นมา 555
ในภาพนี้ผมยืนอยู่ตรงก้นสิงโตครับ เดินขึ้นมาจากด้านซ้ายของภาพ ถ้าจะไปส่วนหัวสิงโตต้องเดินไปทางด้านหลัง พื้นที่ถ่ายรูป(น่าจะ)กว้างขวางกว่าส่วนหัวสิงโต
หันไปอีกด้านที่เป็นฝั่ง New Territories
ขอรูปคู่กับยอดก้นสิงโตหน่อย ที่เห็นถอดเสื้อนี่ไม่ใช่อะไรครับ ระหว่างทางขึ้นมานี่ร้อนมาก เหงื่อเต็มเสื้อเลย (ขอเซนเซอร์นิด)
ถ่ายรูปไปเรื่อย รอให้เมฆหมดไป
สเน่ห์อย่างนึงคือ Pattern ของตึกต่างๆ ที่เราจะเห็นเรียงรายกันเต็มไปหมด
เมฆเริ่มหมดแล้ว แสงอาทิตย์พอจะส่องมาให้ให้เห็นไออุ่นบ้าง สองรูปนี้ถ่ายเวลาใกล้ๆกันแต่ทิศทางตรงกันข้ามกัน แสงอาทิตย์ทำให้สีของภาพแตกต่างกันเลย
แสงอาทิตย์หมดแล้วก็ลองถ่ายทไวไลท์ ได้แค่นี้แหล่ะครับ รูปนี้ลองพยายามทำสีให้ดูหว่องๆหน่อย 555
หลังจากนั่งรอจนหมอกกับเมฆหายไปหมด ฝนหยุด แสงหมดพอดี ตามถนนตามตึกในฮ่องกงก็เริ่มเปิดไฟสวยงาม แอพฯ MyObservatory พยากรณ์ได้แม่นมาก ถือว่าไม่เสียเวลาลุยฝนขึ้นมาบนยอดสิงโต (ทั้งๆที่ตอนแรกถอดใจไปแล้ว) ตอนนี้ก็ถ่ายรัวๆเลยครับ พอมืดค่อยเดินกลับลงไป
ฮ่องกงกลายเป็นเมืองในอนาคตไปแล้ว 55
ช่วงนี้ตึกจะเปิดไฟ ไฟถนนจะเห็นชัดมากขึ้น ใครเตรียมขาตั้งกล้องไปก็จะได้เปรียบหน่อยครับ ตั้งกล้องแล้วนั่งดื่มด่ำกับวิวอันสุดพิเศษนี้ได้ยาวๆ แต่ก็เผื่อเวลาลงเขาด้วย ข้างบนนี้พอค่ำแล้วหนาวเลยนะครับ ลมเย็นมาก เสื้อกันหนาวหรือกันลมนี่พกขึ้นไปได้ใช้แน่ๆครับ (ผมไปช่วงเดือนเมษายนช่วงนี้มีพายุเข้าด้วย) ส่วนตอนลงเขานี่ได้ถอดเสื้อทิ้งเหมือนตอนเดินขึ้นครับ 555 ระหว่างทางนี่ยังกะป่าดงดิบ ร้อนมากๆ
ถือว่าฮ่องกงเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับถ่ายรูปตึกมากๆเมืองนึง ใกล้ภูเขาที่ปีนขึ้นมาได้ มุมที่ไม่ต้องแย่งใครถ่าย แต่ก็ต้องลุยๆมาหน่อยนะครับ